แอบกลืนน้ำลายเบา ๆ เมื่อเห็นอาหารใต้หลากสไตล์ หอมอร่อยรสเข้มข้นแบบต้นตำรับ หร๋อยจังฮู้ !
เมนูอาหารใต้รสเด็ดมีจุดเด่นที่รสชาติเผ็ดร้อน เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องสมุนไพรรสเข้มข้น สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจอยากลองทำ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 15 เมนูอาหารใต้ยอดนิยม ใครไม่กลัวเผ็ด เชิญ !
1. คั่วกลิ้งหมู
คั่วกลิ้งหมู อาหารใต้สุดฮอตที่ทุกคนรู้จักดี หอมกลิ่นน้ำพริกคั่วกลิ้ง ผัดรวมกับเนื้อหมูสับ ติดมันเล็ก ๆ สุดท้ายโรยใบมะกรูดซอย อูย… เห็นแล้วเปรี้ยวปากจริง ๆ
ส่วนผสม คั่วกลิ้งหมู
• หมูเนื้อแดงสับ 200 กรัม
• น้ำพริกคั่วกลิ้ง 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามความเผ็ดที่ชอบ)
• กะปิอย่างดี 1/2 ช้อนชา (ควรชิมรสชาติของน้ำพริกแกงก่อนใส่กะปิ เพราะน้ำพริกแกงแต่ละร้านมีความเค็มไม่เท่ากัน)
• น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
• น้ำปลา (ปรุงรส) 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
• ใบมะกรูดซอย 6 ใบ
• พริกไทยอ่อน 1 ช่อ
วิธีทำคั่วกลิ้งหมู
• 1. โขลกน้ำพริกคั่วกลิ้งกับกะปิให้พอเข้ากัน เตรียมไว้
• 2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนเกือบสุก
• 3. จากนั้นใส่น้ำพริกคั่วกลิ้งลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
• 4. ปิดไฟแล้วใส่พริกไทยอ่อนและใบมะกรูดซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 เมนูคั่วกลิ้ง อาหารใต้อร่อยได้หลากหลายไม่ใช่แค่หมู
++++++++++++++++++++
2. หมูผัดกะปิ
คออาหารใต้คงต้องรู้จักเมนูหมูผัดกะปิเป็นอย่างดี ใครมีกะปิเหลือ ๆ ก็ลองดูจ้า จับไปผัดกับเครื่องหอม ๆ และหมูติดมันเบา ๆ เสิร์ฟกับข้าวสวยนี่สุดยอดเลย
ส่วนผสม หมูผัดกะปิ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม 5 กลีบ
• หอมแดงซอย 2-3 หัว
• ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ เพื่อความหอม)
• พริกขี้หนูหั่น 2 เม็ด
• สันคอหมูติดมัน 250 กรัม (หั่นเป็นชิ้นหนา)
• น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลทราย
• ใบมะกรูดซอย
• พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง)
วิธีทำหมูผัดกะปิ
• 1. นำกะปิ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ และพริกขี้หนูไปโขลกจนละเอียด เตรียมไว้
• 2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงผัดใช้ไฟอ่อน พอหอมก็ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก
• 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ โรยใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 12 เมนูหมูผัด กับข้าวหลากสไตล์อร่อยยอมใจ
++++++++++++++++++++
3. ผัดสะตอกุ้งสด
ผัดสะตอกุ้งสด อีกหนึ่งเมนูอาหารใต้เอาใจคนไม่กลัวกลิ่นฉุน สูตรนี้ใส่ทั้งหมูสับและกุ้ง ลองมโนตามกลิ่นกันดูนะคะ คงจะหอมจริง ๆ เลยล่ะ
ส่วนผสม ผัดสะตอกุ้งสด
• น้ำพริกแกง 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด) 1 ช้อนโต๊ะ
• กุ้งสด (ปอกเปลือกผ่าหลัง) 100 กรัม
• หมูสับ 100 กรัม
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• สะตอ (แกะเปลือก) 100 กรัม
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
• กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดง 2 หัว
• กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนู 10-15 เม็ด
วิธีทำน้ำพริกแกง
• 1. โขลกกระเทียมกับหอมแดงและกุ้งแห้งจนละเอียด
• 2. ใส่กะปิและพริกขี้หนูลงไปโขลกให้ละเอีนยดเข้ากัน เตรียมไว้
วิธีทำผัดสะตอกุ้งสด
• 1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดจนหอม
• 2. ใส่หมูสับและกุ้งลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา
• 3. ใส่สะตอลงผัดจนสุกหอม ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดสะตอกุ้งสด รสเด็ดเผ็ดจัดจ้านเสน่ห์อาหารไทยตำรับปักษ์ใต้
++++++++++++++++++++
4. ผัดสะตอสามรส
ถ้าผัดสะตอทั่วไปรสชาติเผ็ดแซ่บเกินไปสำหรับคนไม่ชอบอาหารรสจัด ลองเปลี่ยนมาทำเมนูผัดสะตอ 3 รส สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2228164 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้นะคะ อร่อยเหมือนกันเลย
ส่วนผสม ผัดสะตอสามรส
• น้ำพริกแกง
• เนื้อไก่
• น้ำเปล่า
• กุ้ง
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำปลา
• น้ำมะขามเปียก
• สะตอ
• พริกหนุ่ม หรือพริกหยวกหั่น
• หอมใหญ่ (หั่นเต๋า)
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
• พริกแห้งเม็ดใหญ่ (แกะเม็ดออกแช่น้ำให้นุ่ม)
• หอมแดง
• กระเทียม
• กะปิ
• เกลือ
วิธีทำน้ำพริกแกง
• 1. นำส่วนผสมน้ำพริกแกงทั้งหมดมาโขลกหรือปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้
วิธีทำผัดสะตอ
• 1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดให้หอม
• 2. ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่กุ้งลงไปผัด
• 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียกตามชอบ ชิมรสให้เป็นสามรส
• 4. ใส่สะตอลงไปผัด พอสะตอใกล้จะสุก ใส่พริกหนุ่มและหอมใหญ่ลงไปผัดประมาณ 2 นาที ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 7 เมนูอาหารเดือนรอมฎอน ทั้งคาวหวาน เย็นนี้รับอะไรดีคะ
++++++++++++++++++++
5. ผัดไทยไชยา
ผัดไทยไชยา เมนูเส้นแบบง่าย ๆ สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1136170 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไม่ต้องใส่ไข่หรือเนื้อสัตว์อะไร จุดเด่นอยู่ที่น้ำผัดไทย เสิร์ฟกับถั่วงอกดิบ และใบกุยช่าย ลงทุนน้อยแต่อร่อยเกินคุ้ม
ส่วนผสม น้ำผัดไทย
• น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว 1 กิโลกรัม (สูตรอยู่ด้านล่าง)
• หอมแดง 2 กิโลกรัม
• มะขามเปียก 1/2 กิโลกรัม
• กะทิ 4 กิโลกรัม
• น้ำตาลปี๊บอย่างดี 5 กิโลกรัม
• น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
• กะปิ เล็กน้อย
• เกลือเม็ด เล็กน้อย
• น้ำมันพืช เล็กน้อย
ส่วนผสม น้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว
• พริกแห้งเม็ดใหญ่ 1 กิโลกรัม
• หอมแดง 3 กิโลกรัม
• เกลือเม็ด เล็กน้อย
ส่วนผสม เครื่องก๋วยเตี๋ยวอื่น ๆ
• ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก หรือเส้นหมี่ (ยี่ห้อที่นิยมใช้คือ ตราดอกบัว)
• ถั่วงอกดิบ หรือกะหล่ำปลีซอย
• ใบกุยช่าย
วิธีทำน้ำพริกเครื่องก๋วยเตี๋ยว
• 1. ผ่าพริกแห้งแล้วนำเม็ดออก นำไปแช่น้ำจนนิ่ม เตรียมไว้
• 2. นำหอมแดงไปแช่น้ำแล้วปอกเปลือกออก (เคล็ดลับ : ถ้านำหอมแดงไปแช่น้ำจะทำให้ปอกง่ายและไม่แสบตา)
• 3. ปั่นผสมพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับหอมแดง และเกลือเม็ดจนละเอียด เตรียมไว้สำหรับทำน้ำผัดไทย
วิธีทำน้ำผัดไทยไชยา
• 1. ปอกเปลือกหอมแดงออกแล้วนำไปปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้
• 2. นำมะขามเปียกมาคั้นกับน้ำ เตรียมไว้
• 3. ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟไม่ต้องรอให้เดือด ใส่หอมแดงปั่น น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย กะปิ และเกลือเม็ดลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากัน เคี่ยวจนเดือด ชิมรสตามชอบ (ให้รสชาติหวานนำตามด้วยเปรี้ยว และเค็มตามลำดับ) เคี่ยวต่ออีกสักครู่แล้วปิดไฟ (ไม่ต้องเคี่ยวนานเพราะเดี๋ยวกะทิจะแตกมัน) เตรียมไว้ผัดกับเส้น
วิธีทำผัดไทยไชยา
• 1. ผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว (1 กิโลกรัม) กับน้ำผัดไทย (1.2 กิโลกรัม) *ถ้าน้ำผัดไทยรสชาติเข้มข้นเกินไปให้ใส่น้ำเปล่าเพิ่มลงไป 1 แก้ว* ผัดจนเส้นสุก
• 2. ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับถั่วงอกดิบ และใบกุยช่าย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดไทยไชยา เส้นเหนียวนุ่มรสเข้มข้น เมนูเด็ดจากแดนใต้
++++++++++++++++++++
6. ข้าวยำ
น้อยคนนักจะรู้จักเมนูข้าวยำที่เต็มไปด้วยผักและสมุนไพรเพื่อสุขภาพมากมาย ราดน้ำบูดูลงไปคลุกให้เข้ากัน สูตรจาก คุณ pongsj สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อยากรู้ว่าเด็ดแค่ไหนต้องพิสูจน์ค่ะ
ส่วนผสมข้าวยำ
• กุ้งแห้งป่น
• เส้นหมี่ขาว
• ซีอิ๊วดำ
• ข้าวตังทอด
• มะพร้าวคั่ว
• มะนาว หรือ มะม่วงเปรี้ยว
• พริกป่น
• น้ำข้าวยำสำเร็จรูป (ตุ๊ดขี้เกียจทำเลยซื้อแบบสำเร็จ ส่วนมากจะใช้น้ำข้าวยำร้านสินอดุลยพันธ์จากสงขลา แต่ร้านข้าวยำทางเลือกตลาดหลังการบินไทยก็ใช้ได้อยู่นะฮะ)
• ข้าวสวยหุงสุกเม็ดเรียงสวย
• ผักต่าง ๆ เช่น ถั่วฝักยาวซอย, ถั่วพูซอย, ตะไคร้ซอย, ใบมะกรูดซอย, ใบบัวบกซอย, ใบชะพลูซอย, ถั่วงอกเด็ดหาง, ส้มโอแกะเป็นกลีบดอกไม้พวงชมพู หรือ ดอกดาหลา หรือ ดอกชมพู่มะเหมี่ยว, แตงกวาหั่นแว่น
วิธีทำข้าวยำ
• 1. นำกุ้งแห้งมาตำให้ละเอียดและฟู (หรือใส่เครื่องปั่นพอหยาบ ๆ)
• 2. นำเส้นหมี่ขาวไปผัด ใส่ซีอิ๊วดำหวานลงไป ปรุงรสแค่พอเค็ม ๆ หวาน ๆ ผัดให้มันเส้นไม่ติดกันก็พอ
• 3. บิข้าวตังทอดเป็นเศษ ๆ ไว้
• 4. คั่วมะพร้าวด้วยไฟอ่อน ๆ ให้มีสีเหลืองทอง (หมั่นดูและคนบ่อย ๆ นะฮะ มันไหม้ง่าย)
• 5. ตักข้าวใส่จาน (ปริมาณไม่ต้องเยอะ สักทัพพีน้อย ๆ ก็พอ) หยิบผักอย่างละนิดละหน่อยเรียงให้พอดี จากนั้นโรยกุ้งแห้ง เส้นหมี่ ใส่มะพร้าวคั่ว (ตุ๊ดชอบใส่เยอะ ๆ รสนัวดี) น้ำข้าวยำสัก 2-3 ช้อน ชิมรสตามชอบ ถ้ารสอ่อนก็ค่อยเติม บีบมะนาว โรยพริกป่น คลุกให้ทั่ว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวยำปักษ์ใต้ หรอยอย่างแรง ไม่อ้วนด้วยนะน้องสาว
++++++++++++++++++++
7. แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
ใครอยากกินแกงเหลืองมะละกอกุ้งแบบกุ้งเน้น ๆ ต้องทำเองเท่านั้น ขอแนะนำสูตรจากเฟซบุ๊กIcook Bykucook สูตรนี้จับกุ้งแม่น้ำตัวโตลงไปต้มกับน้ำพริกแกงใต้และมะละกอ อูย... น่าลอง
ส่วนผสม แกงเหลืองมะละกอกุ้ง
• น้ำพริกแกงใต้ 100 กรัม
• น้ำเปล่า
• มะละกอดิบ (หั่นเป็นชิ้น) 300 กรัม
• น้ำมะขามเปียก
• น้ำตาลทราย
• กุ้งแม่น้ำ 1-2 ตัว (หรือกุ้งแชบ๊วย)
วิธีทำแกงเหลืองมะละกอกุ้ง
• 1. ใส่น้ำพริกแกงใต้และมะละกอลงในหม้อ เติมน้ำเปล่าลงไป (กะพอให้ท่วมมะละกอ) คนให้น้ำพริกละลายแล้วเปิดไฟต้ม
• 2. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
• 3. พอส่วนผสมเดือดแล้วใส่กุ้งลงไปต้มจนสุก ชิมรสอีกครั้ง ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงเหลืองมะละกอกุ้ง อาหารปักษ์ใต้รสเด็ด เผ็ดร้อนพ่นไฟ
++++++++++++++++++++
8. แกงส้มหน่อไม้ดอง
ถ้าใครชอบหน่อไม้ดองคงต้องทำแกงส้มหน่อไม้ดองรสแซ่บ สูตรจาก คุณเนินน้ำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อร่อย ๆ แบบนี้เลย รับรองถึงใจ
ส่วนผสม แกงส้มหน่อไม้ดอง
• หน่อไม้ดอง
• น้ำพริกแกงส้ม
• น้ำมะขามเปียก
• น้ำปลา
• น้ำตาลปี๊บ
• ปลาสด หรือกุ้งสด ตามชอบ
• ใบมะกรูด
วิธีทำแกงส้มหน่อไม้ดอง
• 1. นำหน่อไม้ดองไปต้ม แล้วเทน้ำทิ้งสัก 1 รอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
• 2. นำน้ำพริกแกงส้มไปละลายน้ำ นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ
• 3. พอน้ำแกงเดือดจัด ใส่ปลาลงไปต้มให้สุก ระหว่างนี้ห้ามคนเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คาว (กรณีใช้กุ้งสดให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป โดยใส่กุ้งสดในขั้นตอนสุดท้าย)
• 4. ใส่หน่อไม้ที่เตรียมไว้ลงไป พอเดือดชิมรสอีกครั้งให้ถูกใจ ใส่ใบมะกรูด ปิดไฟ (หากใช้ปลาทะเลที่มีกลิ่นคาวจัด ควรเพิ่มน้ำมะกรูดและลูกมะกรูดลงไปช่วยดับคาว) ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟค่ะ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงส้มหน่อไม้ดอง เปรี้ยวเผ็ดรสเด็ดกลมกล่อม
++++++++++++++++++++
9. แกงส้มปลากระบอก
แกงส้มปลากระบอก อาหารใต้รสชาติถึงใจ สูตรจาก หนังสือ หร๊อยข๋าดอาห๊ารใต้ ครัวหนังตะลุงน่ากินขนาดนี้ เห็นทีต้องทำหม้อโตจะได้กินได้หลาย ๆ มื้อ
ส่วนผสม แกงส้มปลากระบอก
• เครื่องแกงส้มที่โขลกแล้ว (ขมิ้น พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม เกลือ และกะปิอย่างดี) 1 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อปลากระบอก (หั่นเป็นชิ้นพอคำและลวกสุก)
• ผักสด เช่น ยอดมะพร้าว ผักขี้หนู หน่อไม้ดอง และอ้อดิบ)
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำปลา
• น้ำมะนาวสด
วิธีทำแกงส้มปลากระบอก
• 1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เครื่องแกงลงไป
• 2. ใส่ผักลงไป พอผักสุก ใส่เนื้อปลากระบอกลงไป รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะนาวสด พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงส้มปลากระบอก รสจัดจ้านตำรับปักษ์ใต้
++++++++++++++++++++
10. แกงไตปลา
แกงไตปลารสเด็ดต้องตำรับภาคใต้เท่านั้น แต่จะใส่ปลาโอหรือปลาทูก็ตามชอบ เลือกใส่ผักสดได้แบบไม่ต้องยั้ง ทั้งถั่วฝักยาว ฟักทอง และมะเขือเปราะ สุดท้ายก็ใบมะกรูด ถ้าส่วนผสมพร้อมแล้วอย่ามัวรีรอ ลุย !
ส่วนผสม แกงไตปลา
• ไตปลาอย่างดี 1 ขวด
• น้ำ 1.5 ลิตร
• น้ำพริกแกงเผ็ด 200 กรัม
• น้ำมะขามเปียก (ปรุงรส)
• น้ำตาลทราย (ปรุงรส)
• ปลาโอย่าง 1 ตัว หรือปลาทูนึ่ง 5 ตัว (แกะเอาเฉพาะเนื้อ)
• ใบมะกรูด (ฉีกก้านกลาง) 10 ใบ
• ผักสดตามชอบ เช่น หน่อไม้ไร่ ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเปราะ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ อย่างละ 100 กรัม
วิธีทำแกงไตปลา
• 1. ต้มไตปลาในหม้อ คนผสมจนละลาย ยกลงจากเตา กรองเอาแต่เฉพาะน้ำไตปลา เตรียมไว้
• 2. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟแรง ต้มจนเดือด จากนั้นใส่ไตปลาลงต้ม คนผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ
• 3. ใส่เนื้อปลาที่แกะเตรียมไว้ลงต้มจนเดือด ชิมรส จากนั้นใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้ และใบมะกรูดลงต้มจนสุก ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงไตปลา แกงไทยไม่ใส่กะทิอร่อยเด็ด เผ็ดถึงใจ
++++++++++++++++++++
11. แกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า
ใครชอบกินหอยแครงลองมาดูแกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า สูตรจาก คุณ swin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ดู ทีเด็ดอยู่ที่การใส่ใบยี่หร่าลงไป ใครชอบกินเผ็ดต้องลองค่ะ
ส่วนผสม แกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า
• น้ำซุป 4 ถ้วย
• น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ 150 กรัม
• กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อหอยแครง
• น้ำปลา
• ใบยี่หร่า
วิธีทำแกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า
• 1. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ใส่พริกแกงเผ็ดใต้ลงไปพร้อมกับกะปิ (แกงพริกต้องใส่กะปิเยอะ ๆ) คนผสมให้เข้ากันจนน้ำแกงเดือดแล้วใส่เนื้อหอยแครงลงไป
• 2. พอน้ำแกงเดือด จัดการชิมรสเค็มของแกงก่อน เพราะใส่กะปิเยอะและเนื้อหอยแครงจะมีรสเค็ม แล้วค่อยปรุงรสเค็มเพิ่มด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่ใบยี่หร่า คนผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า แกงใต้รสเด็ดเผ็ดและร้อนมาก
++++++++++++++++++++
12. ขนมจีนน้ำยาปู
ขนมจีนน้ำยาปูใคร ๆ ก็รู้ว่าต้องตำรับภาคใต้เท่านั้น โดยเฉพาะ สูตรจาก คุณ maekwansri สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) ใส่เนื้อปูลงไปเยอะ ๆ ขนมจีนพร้อม ผักพร้อม !
ส่วนผสม ขนมจีนน้ำยาปู
• หัวกะทิกับหางกะทิ 2 กิโลกรัม
• พริกแกงใต้ 500 กรัม
• กรรเชียงปู 800-1,000 กรัม
• น้ำตาลปี๊บ (ตามชอบ)
• เกลือ (ตามชอบ)
• ส้มแขก (ตามชอบ)
• ขนมจีน
• ผักซอย (ตามชอบ)
• ไข่ต้ม
วิธีทำขนมจีนน้ำยาปู
• 1. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงใต้ลงไปผัดให้หอม
• 2. ใส่หางกะทิลงไปคนให้เข้ากัน ปรุงรสเค็มหวานตามชอบ ใส่ส้มแขกลงไปจะทำให้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ปล่อยให้เดือด
• 3. ใส่เนื้อปูลงไปคนให้เข้ากันอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เนื้อปูแตก ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ปิดไฟ
• 4. ตักราดขนมจีน กินพร้อมผักซอย ไข่ต้ม (มันดีงามมาก ๆ)
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีนน้ำยาปู สูตรปักษ์ใต้รสเด็ด เนื้อปูเน้นเต็มคำ
++++++++++++++++++++
13. ขนมจีนแกงปูใบชะพลู
ขนมจีนแกงปูใบชะพลู สูตรจาก คุณสาวนุ้ย@ภูเก็ต สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แค่ชื่อเจ้าของสูตรก็น่าจะรู้ว่า ตำรับปักษ์ใต้จริงแท้แน่นอน กลิ่นหอมมากมายเลยขนมจีนจานนี้
ส่วนผสม ขนมจีนแกงปูใบชะพลู
• น้ำพริกแกง (กระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู ตะไคร้ ขมิ้น และพริกไทยดำ โขลกรวมกัน)
• กะปิ
• เนื้อปู
• หัวกะทิ
• หางกะทิ
• ใบชะพลู (หั่นหยาบ)
• น้ำตาลทราย
• เกลือ
• ขนมจีน
วิธีทำขนมจีนแกงปูใบชะพลู
• 1. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ใส่หัวกะทิลงไปพอร้อน
• 2. ใส่เครื่องแกงและกะปิลงไป
• 3. คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ พอเดือด เริ่มมีกลิ่นหอมของเครื่องแกง ค่อย ๆ เติมหางกะทิ ต้มจนได้ที่ แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือ ชิมให้ได้รสที่ต้องการนะคะ แนะนำว่าควรใช้น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลปึกนะ จะทำให้รสชาติน้ำแกงที่กลมกล่อมกว่า แต่ ณ เพลานั้น นุ้ยคว้าอะไรได้ก็จัดเลย
• 4. หลังจากปรุงรสตามชอบแล้ว นุ้ยเลือกที่จะใส่เนื้อปูก่อนเนื่องจากว่า ที่บ้านมีเด็กน้อยที่ไม่ชอบกลิ่นใบชะพลู จึงไว้ใส่ตอนท้าย
• 5. หลังจากนั้นใส่ใบชะพลูตามลงไปได้เลยค่ะ คนอีกรอบแบบเบามือหน่อย ระวังเนื้อปูจะเละค่ะ
• 6. รอเดือดได้ที่ ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
หมายเหตุ :
• 1. เริ่มจากน้ำพริกแกง ในน้ำพริกแกงจะประกอบไปด้วยกระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู ตะไคร้ ขมิ้นและพริกไทยดำ (หลายสูตรใส่กระชายและผิวมะกรูดด้วย แต่นุ้ยไม่ชอบกลิ่นเลยไม่ใส่คะ) และต้องขออภัยที่ไม่ได้บอกสัดส่วนของส่วนประกอบแต่ละอย่าง เพราะตอนทำหยิบใส่แบบลืมตัวไม่มีสูตรที่แน่นอนชั่งตวงวัด และครั้งนี้ก็ทำถ้วยเล็ก ๆ กลัวบอกไปแล้วจะคลาดเคลื่อน
• 2. กะปิ เลือกใช้กะปิอย่างดี ใส่แค่นี้เพียงพอสำหรับ 1 หนึ่งถ้วยค่ะ ห้ามใส่เยอะนะเดี๋ยวจะมีกลิ่นกะปิมากจนเกินไป
• 3. เนื้อปูแกะ นุ้ยซื้อมาจากตลาดจากในถ้วย ปริมาณเกือบ 200 กรัม ราคา 100 บาท นุ้ยไม่แน่ใจว่า ราคานี้ถูกหรือแพง เพราะไม่ได้จ่ายตลาดเองนานพอควรเลยค่ะ
• 4. น้ำกะทิ ให้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะคะ คือ หัวกะทิและหางกะทิ ไม่แนะนำให้ใช้กะทิกล่องนะคะ นุ้ยว่าความหอมหวานอร่อยต่างกันเยอะเลย แต่สำหรับใครที่ไม่สามารถหาซื้อกะทิคั้นสด อนุโลมกันได้ค่ะ
• 5. ใบชะพลู เลือกใบที่ไม่แก่เกินไปนะคะ นำมาหั่นหยาบ ๆ ไม่ต้องซอยละเอียดนะ นุ้ยเคยพลาดมาแล้ว
• 6. น้ำตาลปี๊บและเกลือ ปรุงรสตามชอบเลยคะ แต่แนะนำว่า อย่าใส่เกลือเยอะนะคะ เพราะกะปิก็มีความเค็มอยู่ในตัว จะทำให้น้ำแกงรสชาติเค็มเกินไป
• 7. ขนมจีน นุ้ยซื้อมา 1 กิโลกรัม ราคา 20 บาท
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีนแกงปูใบชะพลู กลิ่นหอมชวนหิว
++++++++++++++++++++
14. ขนมจีนน้ำยากะทิ
เมื่อพูดถึงอาหารใต้จะไม่มีเมนูขนมจีนน้ำยากะทิสีเหลือง ๆ ก็คงผิดแล้วล่ะ มามะ มาเตรียมตัวทำน้ำยากะทิใต้หม้อโต ๆ แล้วเรียกเพื่อนพ้องมาชุมนุมจัดปาร์ตี้พี่บ่าวชาวใต้ได้เลย
ส่วนผสม ขนมจีนน้ำยากะทิใต้
• ปลาน้ำดอกไม้ 1 กิโลกรัม (ถ้าหาซื้อไม่ได้สามารถใช้ปลาช่อนแทนได้)
• น้ำเปล่า
• ตะไคร้ (หั่นท่อนทุบพอแตก) 2 ต้น
• ใบมะกรูด (ฉีกก้านกลาง) 10 ใบ
• น้ำพริกแกงใต้ 100 กรัม (เพิ่ม-ลดตามความเผ็ดที่ชอบ)
• กะปิใต้ (เคย) 2 ช้อนโต๊ะ
• กะทิ 500 มิลลิลิตร
• น้ำต้มปลา
• เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูด 5 ใบ
• ผักสำหรับเคียง เช่น ผักกาดดองซอย, ถั่วฝักยาว, ถั่วงอกดิบ, สะตอ
• ขนมจีน
วิธีทำขนมจีนน้ำยากะทิภาคใต้
• 1. ล้างทำความสะอาดปลาน้ำดอกไม้แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
• 2. ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยตะไคร้ และใบมะกรูดฉีกลงในหม้อ รอจนเดือดแล้วใส่ปลาน้ำดอกไม้ลงไปต้มจนสุก ตักปลาขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วแกะเอาแต่เนื้อ
• 3. นำน้ำต้มปลามากรองเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
• 4. โขลกเนื้อปลากับน้ำพริกแกงใต้ และกะปิใต้จนเนื้อเนียน พักไว้
• 5. ใส่กะทิและน้ำต้มปลาลงในหม้อรอจนเดือด ใส่พริกแกงที่โขลกไว้แล้วลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำปลา และน้ำตาลทราย รอจนเดือดใส่ใบมะกรูดลงไป พร้อมเสิร์ฟกับขนมจีนและผักเคียง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 9 สูตรขนมจีน เมนูเส้นแบบไทยจัดเต็ม 7 น้ำยา 2 ยำ อร่อยแซ่บจนต้องแลบลิ้น
++++++++++++++++++++
15. ยำไตปลา
ยำไตปลสุดแซ่บ สูตรจาก คุณ maekwansri สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) แน่นเครื่องครบรสความแซ่บ ทนไหวไหมจ๊ะ น้องสาว !
ส่วนผสม ยำไตปลา
• ไตปลาขวด
• น้ำเปล่า
• ตะไคร้บุบ
• ข่าบุบ
• ใบมะกรูด
• ขมิ้นบุบ
• หัวกะทิ
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำมะนาว
• ตะไคร้ซอย
• ข่าซอย
• ใบมะกรูดซอย
• ขมิ้นซอย
• ขิงซอย
• กระชายซอย
• พริกขี้หนูซอย
• หอมแดงซอย
• เนื้อปลาทูนึ่ง หรือปลาโอย่าง
วิธีทำยำไตปลา
• 1. ต้มไตปลากับน้ำเปล่าเล็กน้อย ตามด้วยตะไคร้บุบ ข่าบุบ ใบมะกรูด และขมิ้นบุบ ต้มให้เดือดจนไตปลาละลาย นำมากรองเอาแต่น้ำพักไว้
• 2. เอาไตปลาที่กรองแล้วมาตั้งไฟใส่หัวกะทิ ต้มให้พอเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำมะนาว ยกลงพักไว้ให้พออุ่น
• 3. ใส่ตะไคร้ซอย ข่าซอย ใบมะกรูดซอย ขมิ้นซอย ขิงซอย กระชายซอย พริกขี้หนูซอย หอมแดงซอย และเนื้อปลาลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
• 4. ตักเสิร์ฟพร้อมผักสดตามชอบ อร่อยได้เลย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำยำไตปลา อาหารใต้สมุนไพรแน่น หร๋อยจนน้ำตาไหล
ใครชื่นชอบอาหารใต้คงเฮกันยกใหญ่ เพราะมีเมนูให้เลือกละลานตาไปหมด บางเมนูก็คุ้นเคยกันดีอย่างเมนูคั่วกลิ้งหมู หรือเมนูแกงเหลืองมะละกอกุ้ง แต่บางเมนูเกิดมายังไม่เคยชิมเลยอย่างเมนูยำไตปลา แบบนี้ต้องลองทำกันหน่อยแล้ว เพื่อน ๆ ชอบสูตรไหนกันบ้างคะ แต่งตัวออกไปจ่ายตลาดกันเลยเถอะ หิวแล้ว
ที่มา Sanook
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น