เมนูอร่อย ใครว่าทำยาก




15 สูตรขนมสุดฮิต นาทีนี้มาแรงแซงทางโค้ง ไม่ลองทำถือว่าเชย

0


 สูตรขนมสุดฮิต 15 สูตร ทุกเมนูมาแรงจนอยากบอกต่อ เหมาะสำหรับทำเป็นขนมหวานกินเล่นยามว่างสุด ๆ จัดให้เลือก 2 สไตล์ ทั้งขนมไทย หรือเบเกอรี่ หน้าตายั่วยวนน้ำลายใช่ย่อย มือใหม่ก็ทำได้ไม่ยุ่งยากเลย
 
          ขึ้นชื่อว่าเมนูขนมหวานเป็นของสุดโปรดของใครหลาย ๆ คนเลยเนอะ แต่ขนมหวานธรรมดา ๆ หรือจะสู้ขนมหวานอินเทรนด์ในกระแสได้ วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 15 สูตรขนมสุดฮิต มีทั้งขนมไทยและเบเกอรี่หลากหลายให้เลือกทำกัน ทุกเมนูขนมหวานน่าหม่ำทั้งนั้น ที่สำคัญวิธีทำไม่ยากอย่างที่เคยคิด ทำเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้น้ำลายสอกันนะคะ 



1. เต้าหู้เย็นชาเขียว (สูตรใช้ผงวุ้น)

          ณ วินาทีนี้ ทั่วบ้านทั่วเมืองต่างรู้จักเต้าหู้เย็น เมนูดังในกระแสกันทั้งนั้น เพื่อน ๆ อยากลองทำของหวานเย็นฉ่ำกินเองที่บ้านใช่ไหมละ แม้หน้าตาจะดูทำยากแต่ขอบอกว่าทำง่ายมาก สูตรนี้ใช้ผงชาเขียวทำให้หน้าตาออกมาสีเขียวอย่างที่เห็น สำหรับคนที่อยากใส่สีสันอื่นก็ตามชอบเลยค่ะ ส่วนเนื้อเต้าหู้แข็งกรุบกรอบคล้ายทานวุ้นกะทิ ทานตอนแช่เย็นยิ่งอร่อย สูตรโดย คุณจุ๋ม จากเพจเฟซบุ๊ก ว่างเป็นเข้าครัว

ส่วนผสม / สิ่งที่ต้องเตรียม

           น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย (หรือนมถั่วเหลือง)
           นมสด 1 ถ้วย (ถ้าต้องการเติมสีสันอื่น สามารถเลือกใช้น้ำใบเตยคั้น นมสดรสสตรอว์เบอร์รี นมสดรสช็อกโกแลต นมสดรสกาแฟ หรือรสอื่น ๆ ตามชอบ)
           ผงชาเขียว 2 ช้อนชา
           น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
           ผงวุ้น 2 ช้อนชา
           ท็อปปิ้ง เลือกตามชอบ เช่น บลูเบอร์รีสด, เชอร์รี, สตรอว์เบอร์รี, มาร์ชแมลโลว์ 

วิธีทำ

           1. ใส่น้ำเต้าหู้กับนมสดลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ต้มไม่ต้องเดือด

           2. ใส่ผงวุ้นลงไปคนให้ละลาย ใส่สีลงไปตามชอบ

           3. ใส่น้ำตาลทรายแดง (จะชิมรสชาติก่อนก็ได้ว่าอยากได้หวานมากหรือหวานน้อย เพิ่มน้ำตาลตามชอบ) และเติมผงชาเขียวคนต่อจนน้ำตาลทรายละลาย และผงชาเขียวละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

           4. ยกลงจากเตา เทใส่ถ้วยพิมพ์ที่เตรียมไว้ รอให้ส่วนผสมเย็นลง นำแช่ตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง

           5. เตรียมท็อปปิ้งผลไม้สด เช่น บลูเบอร์รี เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี หรืออื่น ๆ ตามชอบ เช่น มาร์ชแมลโลว์ 

           6. เต้าหู้เซตตัวดีนำออกมาแล้วกดเบา ๆ รอบพิมพ์ เขย่าเบา ๆ คว่ำพิมพ์ลงก็หลุดแล้ว

           7. ใช้มีดกรีดอย่าให้ลึกจนขาด กรีดให้เป็นตัว V และทานราดด้วยนมข้นหวาน น้ำผึ้ง ซอสช็อกโกแลต หรือทานเปล่า ๆ ก็ได้ค่ะ 




2. เต้าหู้เย็นชาเขียวน้ำแข็งไสนมสด (สูตรใช้เจลาติน)

         เต้าหู้เย็นสูตรนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว นอกจากจะเป็นเต้าหู้เย็นที่ใช้เจลาตินที่ทำให้เนื้อเต้าหู้เย็นมีความเหนียวหนึบ และอร่อยกว่าการใช้ผงวุ้นแล้ว ยังเสิร์ฟพร้อมกับน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะนมสดอีกด้วย เพิ่มความอร่อยสองต่อ สูตรจาก คุณ Rin's Cookbook (#rinscookbook) 

ส่วนผสม น้ำแข็งไสนมสด

           นมสด 1 ถ้วย
           น้ำเปล่า 1 ถ้วย
           น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม เต้าหู้เย็น (ประมาณ 3 ถ้วย)

           น้ำเต้าหู้แช่เย็น 1 ถ้วย
           ผงเจลาติน 2 1/2 ช้อนชา (หรือเจลาตินชนิดแผ่น)
           นมสด 1 ถ้วย
           น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
           ผงชาเขียวมัทฉะ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
           นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำร้อนจัด 2 ช้อนโต๊ะ
           ถั่วแดง
           ผลไม้ตามชอบ เช่น องุ่น, มะเดื่อฝรั่ง, กีวี, แคนตาลูป, สตรอว์เบอร์รี และกล้วยหอม
           นมสดสำหรับราดหน้า

          หมายเหตุ : เต้าหู้เย็นสูตรนี้ใช้เจลาติน เพราะจะทำให้ได้เนื้อเต้าหู้เย็นที่เหนียวหนึบ ยืดหยุ่น และเด้งดึ๋ง
วิธีทำ น้ำแข็งไสนมสด

           ผสมนมสด น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าให้เข้ากันคนไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นเทใส่ที่ทำน้ำแข็ง นำไปแช่ช่องแช่แข็งประมาณ 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน

วิธีทำเต้าหู้เย็น

           1. โรยผงเจลาตินลงในน้ำเต้าหู้เย็นจัด ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

           2. ละลายผงชาเขียวกับน้ำร้อนจัดคนจนละลายเป็นน้ำ

           3. หลังจากพักเจลาตินครบ 10 นาทีแล้ว (เจลาตินจะเริ่มย่นและดูดซึมน้ำ) ใช้ช้อนคนให้เข้ากันจนเจลาตินจมลงด้านล่างแล้วพักทิ้งไว้อีก 5 นาที

           4. เทส่วนผสมเจลาตินที่พักไว้ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย นมข้นหวาน และชาเขียวละลายน้ำคนให้เข้ากันแล้ว เติมนมสดลงไปคนให้ทุกอย่างเข้ากัน เปิดไฟกลาง หมั่นคนผสมไปทางเดียวกันตลอดเวลา ประมาณ 10 นาที รอจนเริ่มมีฟอง (ระวังอย่าให้เดือด) ปิดไฟ 

           5. เทส่วนผสมลงกรองด้วยกระชอนตาถี่แล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที รอให้ส่วนผสมอุ่นลง เทส่วนผสมเต้าหู้เย็นใส่ชาม (ถ้ามีฟองอากาศให้ใช้ไม้จิ้มออก) รอจนอุ่นก่อนแล้วนำเข้าตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง

           6. นำก้อนน้ำแข็งไสไปปั่นจนกลายเป็นเกล็ดหิมะ ตักใส่ลงในจานสำหรับเสิร์ฟ (ระวังละลาย) 

           7. ใช้มีดบาง ๆ จุ่มลงในน้ำอุ่นแล้วแซะตรงขอบพุดดิ้งเบา ๆ แล้วคว่ำเต้าหู้เย็นชาเขียวลงไปข้างบน บั้งเป็นแฉกให้สวยงาม จัดเสิร์ฟคู่กับท็อปปิ้งตามชอบ ตบท้ายด้วยราดนมสด 




3. เต้าหู้เย็น (สูตรใช้นมสด)

          เต้าหู้เย็นสูตรนี้ทำง่ายมาก แถมยังใช้นมสดแทนน้ำเต้าหู้ หาซื้อง่าย ๆ เลือกใส่สีสันได้ตามชอบ รสสัมผัสนิ่ม ๆ หยุ่น ๆ กลิ่นหอม กินเย็น ๆ อร่อยสุดฟิน วันหยุดว่าง ๆ ทำเต้าหู้เย็นจัดเสิร์ฟพร้อมผลไม้ หรือธัญพืชก็ได้ตามชอบ บอกได้คำเดียวว่าเริด สูตรโดย คุณโจนส์เปลี่ยนใจ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

 ส่วนผสม เต้าหู้เย็น

           นมสด 2 ถ้วย (หรือน้ำเต้าหู้) 
           นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย กลิ่นสละ (ใส่จนได้สีที่ชอบ)
           ผงวุ้น 2 1/2 ช้อนชา (ราคา 30 บาท)

 ส่วนผสม ท็อปปิ้ง

           กีวี หั่นเต๋า
           ส้ม แกะเป็นกลีบ 
           กล้วยหอม หั่นแว่น 
           แคนตาลูป หั่นชิ้นพอดีคำ 
           เยลลี่ (ตามชอบ)

 วิธีทำ

           นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางพออุ่น เทนมสด นมข้นหวาน และน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยลงไป พอส่วนผสมเริ่มอุ่น เทผงวุ้นลงไป (เคล็ดลับ คือ ให้เทแบบเคาะช้อน ผงวุ้นจะได้กระจาย ละลายง่าย และไม่เป็นก้อน)

           คนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนผงวุ้นไม่เป็นเม็ดเล็ก ๆ ติดปลายช้อน หากผงวุ้นละลายดีแล้วให้เร่งไฟแรงขึ้นเล็กน้อย รอจนส่วนผสมในกระทะเริ่มมีฟอง (แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด) ปิดไฟ พักไว้

           นำส่วนผสมมากรองผ่านตะแกรง ประมาณ 2-3 รอบ

           เทส่วนผสมใส่พิมพ์ทรงกลม หรือถ้วยทรงกลม พักทิ้งไว้จนเย็น (หรือใช้พัดลมช่วยเป่าจนเย็น) จากนั้นจึงนำเข้าตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง

           พอครบเวลานำเต้าหู้เย็นออกมาจากถ้วยกลม เทออกมาบั้ง (ขั้นตอนนี้ลุ้นมาก)

           บั้งเต้าหู้เย็นออกเป็นแฉก ๆ เสิร์ฟคู่กับกีวี ส้ม กล้วยหอม แคนตาลูป และเยลลี่ (ตอนจัดจานก็พยายามหาผลไม้ หรือของหวานใส่เพิ่มเข้าไปหวังจะเพิ่มความมุ้งมิ้ง แต่รสชาติดันเข้ากันดีอีก อย่างไรก็ลองทำกันดูนะคะ ง่ายมากเลย หวานเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่เบาหวานและความดัน หลอก)




4. วุ้นกะทิ

           อากาศร้อนแบบนี้ทำวุ้นกะทิแช่เย็น ๆ คลายร้อนกันหน่อยดีกว่า สูตรนี้เป็นวุ้นกะทิมะพร้าวอ่อน เพิ่มสีสันสดใสชวนหม่ำ รสหวานหอม กรอบ ทำเก็บไว้กินเพิ่มความชื่นใจระหว่างวันได้สบาย ที่สำคัญยังทำเป็นเมนูขนมหวานสำหรับเด็ก ๆ ได้อีกด้วย

ส่วนผสม วุ้นกะทิ

           ผงวุ้น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
           น้ำเปล่า
           หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
           ใบเตย หั่นเป็นท่อน 2-3 ใบ
           น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย
           เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม วุ้นสี

           ผงวุ้น 1 ช้อนชา
           น้ำเปล่า
           น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย
           สีผสมอาหาร 1 ช้อนชา
           พิมพ์วุ้นซิลิโคนรูปดอกไม้

วิธีทำ

           ทำวุ้นกะทิ ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่ผงวุ้นลงไปคนให้ละลาย พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟแล้วคนต่อไปเรื่อย ๆ จนผงวุ้นละลายหมด

           ใส่ใบเตยลงไป กวนไปเรื่อย ๆ ให้พอมีกลิ่นใบเตย ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายและส่วนผสมเดือด

           เทหัวกะทิใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันพอเดือดเล็กน้อย ปิดไฟ ยกลงจากเตา

           หยอดส่วนผสมวุ้นลงในพิมพ์ซิลิโคนประมาณ 1/2 พิมพ์ พักทิ้งไว้จนเซตตัว

           ทำวุ้นสี ใส่น้ำเปล่าและผงวุ้นลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟคนให้ละลาย ใส่ใบเตยลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายและมีกลิ่นใบเตย จากนั้นช้อนตักใบเตยทิ้งแล้วใส่สีผสมอาหารลงไป คนผสมให้เข้ากัน พอเดือดแล้วปิดไฟยกลงจากเตา

           นำไปหยอดลงบนวุ้นกะทิที่เซตตัวแล้วประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พักทิ้งไว้จนคลายความร้อน นำไปแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ

          เคล็ดลับ : เมื่อวุ้นชั้นแรกเริ่มเซตตัวแล้ว ให้ตักวุ้นชั้นต่อไปใส่ได้เลยไม่ต้องรอให้วุ้นแข็งตัว เพราะจะทำให้ชั้นของวุ้นไม่ติดกัน




5. ขนมโตเกียว

          อยากย้อนวันวานในวัยเด็กด้วยการกินขนมโตเกียวแป้งบางกรอบ ใส่ไส้กรอกและหมูสับสักชิ้นไหมคะ ทำง่าย ๆ แค่มีกระทะเทฟลอนเท่านั้น ที่สำคัญยังตอกไข่นกกระทาลงไปเพิ่มได้อีกด้วย หรือใครอยากจะใส่ไส้แยม ไส้ช็อกโกแลตโรยอัลมอนด์ หรืออื่น ๆ ก็ได้ตามชอบ 

 ส่วนผสม แป้งโตเกียว 

           แป้งสาลีอเนกประสงค์
           เบกกิ้งโซดา 
           ผงฟู 
           น้ำตาลทราย 
           ไข่ไก่ 1 ฟอง 
           น้ำเปล่า (หรือน้ำปูนใส)
           น้ำผึ้ง

  ส่วนผสม ไส้กรอกและไส้หมูสับ 

           เนื้อหมูสับ
           รากผักชี 
           กระเทียม 
           ซอสหอยนางรม
           ไส้กรอก (ตามชอบ)

 วิธีทำแป้งโตเกียว

           ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเบกกิ้งโซดา ผงฟู และน้ำตาลทรายคนให้เข้ากันเล็กน้อย เติมน้ำผึ้ง น้ำเปล่า และตอกไข่ไก่ใส่ลงไป คนให้เข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว (แบ่งส่วนผสมแป้งใส่ขวดเล็กน้อยเตรียมไว้สำหรับบีบเป็นเส้น ๆ ด้วย) พักส่วนผสมแป้งไว้สักครู่ 

วิธีทำไส้โตเกียว

           เตรียมเครื่องสำหรับผัดไส้หมู โขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกัน พักไว้ก่อน

           ผัดไส้กรอก นำไส้กรอกลงไปผัดในกระทะให้พอร้อนแล้วตักขึ้นพักไว้

           ผัดส่วนผสมไส้หมูสับ นำเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดในกระทะ ตามด้วยหมูสับ ผัดจนหมูสุกและหอม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ผัดให้เครื่องปรุงกับหมูสับเข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้

           ทอดขนมโตเกียว โดยนำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ตักส่วนผสมแป้งหยอดลงในกระทะ

           ละเลงแป้งให้เป็นแผ่นวงรี บีบแป้งเป็นเส้น ๆ ลงไปด้านบนให้สวยงามตามชอบ

           ใส่ไส้โตเกียว พอแป้งเริ่มสุกและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้ว วางไส้กรอกและหมูสับที่ผัดไว้ลงไปบนแป้ง แล้วม้วนให้สวยงาม พร้อมรับประทาน




6. ขนมตาล 

          ขนมตาล ขนมไทยสีเหลืองสด มีส่วนผสมจากเนื้อลูกตาลทำให้มีกลิ่นหอมและสีเหลืองสวย โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดเพิ่มอีกนิดยิ่งทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อยากทำขนมตาลไว้ทานหรืออยากทำขายต้องติดตามสูตรจากด้านล่างเลยค่ะ สูตรจากนิตยสาร Health & Cuisine ที่ได้ประยุกต์มาจากสูตรดั้งเดิมให้ทำได้ง่ายขึ้น มือใหม่ก็สามารถลองทำได้ ลองมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันค่ะ

ส่วนผสม

           น้ำตาลทราย 400 กรัม
           กะทิ 3 ถ้วย
           เนื้อลูกตาลสุก 350 กรัม
           แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
           ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
           มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นเล็ก คลุกเกลือเล็กน้อย สำหรับโรยหน้า 2 ถ้วย

วิธีทำ

           1. ละลายน้ำตาลทรายในกะทิ เติมเนื้อลูกตาลลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งข้าวเจ้าและผงฟูลงไป คนให้เข้ากันจนเนียน

           2. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ประมาณ 10 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟู

           3. ใส่น้ำในลังถึง ตั้งไฟปานกลาง เรียงถ้วยตะไลลงไป ตักส่วนผสมยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึก นึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที หรือจนกระทั่งสุก ยกลงจากเตา พักให้เย็นแซะออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ


7. ขนมชั้น

         ขนมชั้น ขนมไทยกินเล่นมีหลายชั้น เนื้อเหนียวนุ่ม รสชาติมันหวานหอมกลิ่นใบเตย หน้าตาของขนมชั้นมีทั้งแบบชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นชั้น ๆ และแบบที่เป็นรูปดอกไม้ ส่วนผสมมีไม่กี่อย่างแต่ขั้นตอนการทำต้องใช้ความอดทนเสียหน่อย รับรองว่าทำเสร็จจะต้องภูมิใจ และกินอิ่มจุใจเลยล่ะ สูตรจาก คุณ RinS Cook Book

ส่วนผสม

           น้ำตาลทราย 2 1/2  ถ้วย
           น้ำกะทิ 4  ถ้วย
           แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
           แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
           แป้งท้าวยายม่อม 1 1/2  ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
           น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
           น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
           ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10x10 นิ้ว หรือ 8x8 นิ้ว)

วิธีทำ

          ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น

          นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้

          ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง

          แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

          ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง) 

          นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ



8. ขนมครกใบเตย

         ขนมครกใบเตย หรือขนมครกสิงคโปร์ ขนมหวานเหนียวหนึบ สีสันสดใส ปัจจุบันหาทานยากเหมือนกันนะคะ ถ้าอย่างนั้นมาทำทานเองดีกว่า ไม่จำเป็นต้องมีเตาสำหรับทำขนมครกใบเตยโดยเฉพาะ ใช้เตาขนมครกธรรมดา ๆ ก็ทำได้ หยอดแป้งใบเตยแล้วแคะเพลิน ๆ สนุกสนานจริงเชียว สูตรโดย เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน

ส่วนผสม (สำหรับ 18-20 ชิ้น)

           แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
           แป้งมัน 1/4 ถ้วย
           ผงฟู 1ช้อนชา
           เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
           น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
           ไข่ไก่ 1 ฟอง
           น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
           กะทิ 1/4 ถ้วย
           น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
วิธีทำ

           1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
 
           2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน

           3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที

           4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)

           5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ



9. ขนมกล้วย 

          ขนมกล้วย ขนมไทยห่อใบตอง รสชาติหวานหอมกินง่าย มีส่วนผสมของกล้วยน้ำว้า รสสัมผัสเนียนเหนียว เคี้ยวหนุบหนับ รสชาติหวานกำลังดี และหอมกลิ่นกล้วย ส่วนผสมไม่เยอะ แถมต้นทุนต่ำแต่ทำได้ปริมาณเยอะ ห่อใบตองชิ้นเล็กหรือใหญ่ได้ตามชอบ ถ้าไม่ใช้ใบตองก็ใช้ถ้วยตะไลแทนได้เหมือนกัน

ส่วนผสม / สิ่งที่ต้องเตรียม

          กล้วยน้ำว้าสุก (บดละเอียด) 500 กรัม
          น้ำตาลทราย 100 กรัม
          เกลือป่น 1 ช้อนชา
          แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
          แป้งมันสำปะหลัง 5 ช้อนโต๊ะ
          หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
          มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย
          ใบตองสำหรับห่อ (ถ้าไม่มีใบตองสามารถใช้ถ้วยตะไลได้)

วิธีทำ

          1. ผสมกล้วยน้ำว้ากับน้ำตาลทราย เกลือป่น แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง หัวกะทิ และมะพร้าวขูด คนผสมให้เข้ากันดี 

          2. ตักส่วนผสมขนมกล้วยลงบนใบตอง แผ่บาง ๆ หรือจะทำเป็นทรงกรวยห่อเป็นทรงให้สวยงาม หรือตักใส่ถ้วยตะไล วางเรียงบนลังถึง นึ่งประมาณ 20 นาที จนสุก นำออกจากลังถึง พร้อมรับประทาน



10. ขนมปุยฝ้าย

         ขนมปุยฝ้าย ขนมไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันสวยงามชวนกิน แถมรสชาติยังนุ่มเบาฟูแทบละลายในปาก หอมกลิ่นมะลิ หรือกลิ่นนมแมวอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่มักขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ถ้าหากวันปกติธรรมดาจะหากินก็ยากเต็มที ถ้าอย่างนั้นลองมาทำกินเองเลยดีกว่า สูตรจาก เฟซบุ๊ก Rin Silpachai

ส่วนผสม / สิ่งที่ต้องเตรียม

           แป้งเค้ก 2 1/2 ถ้วย (หรือ 300 กรัม)
           ผงฟู 1 ช้อนชา
           ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง 3 ฟอง
           น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
           น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง 1 ถ้วย
           สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
           นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
           น้ำหอมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา (หรือน้ำหอมกลิ่นนมแมว 2 หยด)
           สีผสมอาหาร ตามชอบ

วิธีทำ

           ร่อนแป้งเค้ก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

           ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำลงในอ่างผสม จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า 

           ลดความเร็วเครื่องตีลง ใช้ความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่าง ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู

           ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด

           เมื่อครบเวลา ใช้พายยางคนตะล่อมแป้งให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งแป้งผสมสีผสมอาหารตามชอบ เตรียมไว้

           วางถ้วยกระดาษ (ถ้วยจีบ) ลงในพิมพ์อะลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งใส่ประมาณ 3/4 พิมพ์ จากนั้นวางเรียงในชุดนึ่ง (โดยวางถ้วยให้ระยะห่างกันประมาณ 2 ซม. เพื่อให้ความร้อนกระจายขึ้นมาอย่างทั่วถึง) จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรง นานประมาณ 15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ



11. บลูเบอร์รีชีสพาย 

           บลูเบอร์รีชีสพาย สูตรเบเกอรี่สุดฮิต ราดซอสบลูเบอร์รีฉ่ำ ๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กินเท่าไรก็ไม่เลี่ยน ไม่ต้องใช้เตาอบด้วยนะ จะกินหลังทำเสร็จใหม่ ๆ หรือหลังจากแช่เย็นก็อร่อยค่ะ แล้วแต่ชอบเลย 

ส่วนผสม แป้งพาย

           ขนมปังกรอบบดละเอียด 1 1/2 ถ้วย
           น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
           เนยสดละลาย 1 ถ้วย

วิธีทำ

           1. ผสมขนมปังกรอบที่บดแล้วกับน้ำตาลไอซิ่ง และเนยละลายคนผสมให้เข้ากัน 

           2. นำไปกรุลงพิมพ์โดยให้มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็น เตรียมไว้

ส่วนผสม ครีมชีส

           เจลาติน 2 แผ่น
           น้ำเย็น (สำหรับแช่เจลาติน)
           น้ำอุ่น (สำหรับละลายเจลาติน)
           วิปครีมชนิดจืด 75 กรัม
           นมสด 25 กรัม
           ครีมชีส 100 กรัม
           น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
           น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
           ซอสบลูเบอร์รีสำเร็จรูป สำหรับราดหน้า

วิธีทำ

           1. นำเจลาตินไปแช่น้ำเย็นจนนิ่ม จากนั้นนำไปละลายกับน้ำอุ่น เตรียมไว้

           2. นำวิปครีมมาตีกับนมสดจนตั้งยอดอ่อน เตรียมไว้

           3. นำครีมชีสกับน้ำตาลไอซิ่งผสมให้เข้ากัน ใส่ลงในหม้อตุ๋นคนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกลงใส่น้ำมะนาวผสมพอเข้ากัน

           4. ใส่ส่วนผสมวิปครีมและเจลาตินลงไป คนให้เข้ากัน

           5. เทส่วนผสมครีมชีสลงในพิมพ์ที่กรุด้วยแป้งพาย 

            6. ราดหน้าด้วยบลูเบอร์รีกวน พร้อมเสิร์ฟ


12. คัสตาร์ดคาราเมล

          คัสตาร์ดคาราเมล เมนูเบเกอรี่สุดฮิต เนื้อนุ่มเด้งไม่มีกลิ่นคาว กลิ่นคาราเมลหอมเชียว ทำง่าย ๆ ไม่ต้องอบ ไม่ต้องนึ่ง เอาเข้าตู้เย็นรอเวลาให้คัสตาร์ดเซตตัวประมาณ 1/2 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็ได้กินคัสตาร์ดเนื้อนุ่มสมใจแล้ว สูตรจาก คุณเชฟตั๋น สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ส่วนผสม ซอสคาราเมล

           น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
           น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (เพื่อช่วยให้น้ำตาลไม่ไหม้เร็ว หรือน้ำตาลเป็นก้อน และช่วยให้ไม่ข้นเกินไป)
          
หมายเหตุ : ถ้าอยากให้มีรสเค็มใส่เกลือได้ แต่ใส่แค่ปลายช้อนชาเท่านั้น

ส่วนผสม คัสตาร์ด

           นมจืด 1 กล่อง (ประมาณ 250 มิลลิลิตร)
           ไข่ไก่ 2 ฟอง (ใช้เบอร์ 3 จะได้กลิ่นไม่คาวมาก)
           น้ำตาลทรายป่น 2 ช้อนโต๊ะ
           นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ (เพื่อเพิ่มความมันและหอม)
           ผงเจลาติน 1 1/2 (หรือ 2 ช้อนชา เนื้อจะแน่น ๆ นุ่ม ๆ)
           กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ ซอสคาราเมล

           1. ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงในหม้อ ใช้ไฟปานกลาง (ควรคนน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าก่อน พอเดือดจะได้ไม่จับกันเป็นก้อน) รอให้ตัวคาราเมลเดือดกลายเป็นสีน้ำตาลทอง 

           2. เทคาราเมลลงใส่พิมพ์ ประมาณ 1/4 ของพิมพ์ พักไว้ 

วิธีทำคัสตาร์ด

           1. ใส่นมจืด น้ำตาลทราย และนมข้นหวานลงไปในหม้อ ใช้ไฟปานกลาง 

           2. ตอกไข่ใส่ในภาชนะแล้วตีให้เข้ากัน 

           3. แบ่งส่วนผสมนมจากหม้อประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในผงเจลาติน คนให้เข้ากัน พักไว้ 

           4. เมื่อต้มส่วนผสมนมจนบริเวณขอบ ๆ เริ่มเดือดแล้ว แบ่งเทใส่ลงในส่วนผสมไข่แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทกลับลงไปในส่วนผสมนมในหม้ออีกครั้ง

           5. ใส่เจลาตินที่ผสมนมไว้ลงไป เปิดไฟเบา ๆ คนตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ไข่เป็นลิ่ม ๆ ต้มประมาณ 5 นาที หรือจนกว่าส่วนผสมข้นขึ้นแล้วยกขึ้นจากเตา

           6. ใช้มือ (ข้างที่ไม่ถนัด) ถือกระชอนกรองวางไว้เหนือพิมพ์ที่ใส่คาราเมลเล็กน้อย เทคัสตาร์ดในหม้อลงเบา ๆ (กระชอนจะกรองเอาเศษลิ่ม ๆ ออก แล้วช่วยให้เนื้อคัสตาร์ดเนียน ไม่มีฟองอากาศ)
 
           7. เมื่อเทส่วนผสมคัสตาร์ดใส่พิมพ์หมดแล้ว พักไว้ให้เย็นลงแล้วนำไปแช่ตู้เย็น ประมาณ 1/2 ชั่วโมง เวลาเสิร์ฟเพียงแค่คว่ำคัสตาร์ดลงบนจาน 



13. เค้กช็อกโกแลตไมโครเวฟ

          สาวกช็อกโกแลตเตรียมฟินกันเลยได้กับเค้กไมโครเวฟที่ใส่ช็อกโกแลตลงไปสุดพลัง ทำง่าย ๆ ไม่ต้องไปซื้อ หน้าตาน่าหม่ำไม่แพ้ร้านดังเลย ใช้วัตถุดิบไม่กี่อย่าง ที่สำคัญไม่ต้องใช้เตาอบ ไม่ต้องใช้เครื่องตีแป้ง ไม่ต้องใช้พิมพ์

 ส่วนผสม

           แป้งสาลีอเนกประสงค์ 4 ช้อนโต๊ะ
           ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
           ผงฟู 1/4 ช้อนโต๊ะ
           น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
           เกลือป่น เล็กน้อย
           นมสด 5 ช้อนโต๊ะ
           น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
           ช็อกโกแลตชิพ (ตามชอบ)
           น้ำตาลไอซิ่ง (โรยหน้า)

วิธีทำ 
           ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงโกโก้ น้ำตาลทราย และเกลือป่นเข้าด้วยกัน

           เติมนมสดและน้ำมันพืชลงไปคนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

           ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไปแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง

           ตักส่วนผสมใส่ถ้วยแล้วนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรง 60 วินาที

           นำออกจากไมโครเวฟ โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ


14. ฮันนี่โทสต์ (สูตรใช้กระทะ ไม่ต้องอบ)

          กลายเป็นขนมหวานอันโด่งดังแห่งยุคนี้ไปแล้วกับ ฮันนี่โทสต์ เบเกอรี่ยอดฮิต เห็นจากตามร้านกาแฟ หรือร้านขนมก็มีเมนูนี้ให้สั่งกินเกือบทุกร้าน แต่ราคาทำเอาเหงื่อตกได้เหมือนกัน สำหรับคนอยากทำทานเองแวะเวียนเข้ามาจดสูตรได้เลย ไม่ต้องใช้เตาอบ แค่มีกระทะก็พอ หน้าตาออกมาดูดี การใช้กระทะทำให้ได้ขนมปังที่กรอบอร่อยกว่าเดิมอีกด้วย สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2266695 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม            

ส่วนผสม / สิ่งที่ต้องเตรียม

           ขนมปังแผ่นหนา
           เนยสด
           น้ำผึ้ง หรือ ซอสคาราเมล (ตามชอบ)
           กล้วยหอม
           ไอศกรีม

วิธีทำ
           ตัดแต่งขอบขนมปังให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า

           นำกระทะขึ้นตั้งไฟอ่อน รอจนร้อน ใส่เนยสดลงไปในกระทะ รอจนเนยละลายแล้ววางขนมปังลงไป ย่างจนขนมปังเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล กรอบ และหอมเนย (ทั้ง 2 ด้าน) ทำขนมหมด

           ตักขึ้นใส่จาน ราดน้ำผึ้งในแต่ละชั้นให้ชุ่ม 

           นำมาวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้น แต่งด้วยกล้วยหอมสไลซ์เป็นแว่น ๆ วางเรียงลงบนขนมปังให้สวยงาม ตามด้วยไอศกรีม พร้อมเสิร์ฟ


15 เค้กกล้วยหอม

          แค่เอ่ยถึงชื่อเค้กกล้วยหอมต่อมน้ำลายก็เริ่มทำงานแล้ว เคยไหมที่ซื้อมากินเจอเนื้อหยาบกินแล้วติดคอ ลองมาทำเองง่าย ๆ ดีกว่ากับเค้กกล้วยหอมสูตรเด็ด ชุ่มฉ่ำเนย แถมยังได้รสชาติกล้วยหอมเน้น ๆ เต็มคำ ทำง่าย ๆ ยิ่งถ้าเอาไปแช่เย็นยิ่งอร่อยเหาะเชียวล่ะ สูตรจาก คุณ MaShi BBJ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แค่นึกถึงก็อยากกินแล้ว

ส่วนผสม / สิ่งที่ต้องเตรียม

           เนยเค็ม 250 กรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะได้นิ่มเร็ว ๆ)
           น้ำตาลทรายละเอียด 1 1/2 ถ้วย (ถ้ากล้วยงอมมากเราจะลดเหลือแค่ 1 ถ้วยค่ะ)
           ไข่ไก่ 4 ฟอง
           กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
           นมสด 4 ช้อนโต๊ะ
           กล้วยหอมสุกบด 1 1/2 ถ้วย (บางครั้งก็ใส่เกินนะ ชอบเนื้อ ๆ เน้น ๆ 55 เราชอบบดกับส้อมค่ะ ไม่ต้องละเอียดมากเวลากินแล้วมีเนื้อสัมผัสดีค่ะ)
           แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
           ผงฟู 1 ช้อนชา
           เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการเตรียม

           1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ (ถ้าตามสูตรจะใช้ 160 องศาเซลเซียส ไฟล่างค่ะ แต่เราทำเป็นถ้วยมัฟฟินก็เลยใช้ 175 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่างค่ะ) 

           2. เตรียมพิมพ์ให้เรียบร้อย

           3. ใช้ส้อมบดกล้วยแล้วเติมนมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน

           4. ผสมแป้งกับผงฟูและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ 

วิธีทำ 

           ตีเนยด้วยตะกร้อมือให้ขึ้นฟูจนเป็นสีขาวนวล

           ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียดลงไป แล้วตีผสมให้เข้ากันค่ะ แบ่งใส่สัก 2-3 ครั้ง

           ใส่ไข่ไก่ลงไปตีทีละฟอง พอหมดลิ่มไข่ก็ใส่ใบต่อไปได้เลยจนครบ 4 ฟอง

           ใส่ส่วนผสมกล้วยบดลงไปตีผสมให้เข้ากัน

           ใส่ส่วนผสมแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาลงไป ค่อย ๆ ตะล่อมเบาจนเป็นเนื้อเดียวกัน

           ตักใส่พิมพ์มัฟฟินที่เตรียมไว้

           นำเข้าเตาอบ 15-20 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์แล้วก็เตาอบแต่ละบ้าน เช็กว่าสุกหรือยังก็ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ไม่มีเศษแป้งติดมาก็ถือว่าเรียบร้อย เสร็จเราฟาดเรียบค่ะ แต่ตอนอบเนี่ย กลิ่นเค้าจะหอมไปทั่วห้องเลย ยืนรอลุ้นกันไป สูตรนี้เราใช้พิมพ์มัฟฟินนี้ได้ 34 ชิ้นค่ะ กล้วยหอม หอมจริง ๆ หอมสุด ๆ ๆ ๆ ๆ มาแล้ววววว)

           นำออกจากเตา วางพักทิ้งไว้ให้เย็นลง แกะออกจากพิมพ์ พร้อมรับประทาน

           
  แจกฟรี 15 สูตรขนมสุดฮิตที่มีให้เลือกสรรทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ แต่ละสูตรมาพร้อมวิธีทำเป๊ะ ๆ และเคล็ดลับเด็ด ๆ อีกเพียบ ใครใคร่อยากทำ… ก็ทำ ใครใคร่อยากทำขาย… ก็ทำ ใครใคร่อยากให้คุณแฟนทำให้ทานก็ต้องขอร้องกันเองนะคะ 


ที่มา:Kapook.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น